วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2565

สัตว์พลัดเพลิด

 ส่วนที่ 3  สัตว์พลัดเพลิด 

                  ข้อ 22  สัตว์ทุกชนิดที่มีตั๋วรูปพรรณและไม่มีตั๋วรูปพรรณที่เจ้าของปล่อยพลัดเพลิดไปตามถนนหรือที่สาธารณะต่างๆ ให้เจ้าพนักงานตำรวจจับสัตว์นั้นมาแล้วจดตำหนิรูปพรรณสัตว์ลงในสมุดบัญชีแบบพิมพ์ทั้งต้นและปลายลงในประจำวันและให้เลี้ยงรักษาสัตว์นั้นไว้ถ้าไม่มีคอกขังสัตว์และสัตว์นั้นไม่เกี่ยวกับของกลางที่จะต้องพิสูจน์ในคดีอาญาแล้ว จะฝากกำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน หรือประชาชนที่อยู่ใกล้สถานีตำรวจช่วยเลี้ยงรักษาไว้ให้ก็ได้ และถ้าผู้เลี้ยงรักษาจะใช้การงานอย่างไรบ้าง ซึ่งไม่เกินสมควร ก็อนุญาตให้นำไปใช้งานได้ ให้ผู้มีหน้าที่เก็บรักษาของกลางประกาศโฆษณาหาเจ้าของสัตว์ติดไว้ที่หน้าสถานีตำรวจหน่อยที่เห็นได้ชัดเจน      

                  ข้อ 23  เมื่อได้ประกาศหาเจ้าของสัตว์เมื่อครบกำหนด 90 วันนับแต่วันที่จับสัตว์นั้นมา ถ้าไม่มีเจ้าของสัตว์มารับสัตว์นั้นไป ให้ผู้มีหน้าที่เก็บรักษาของกลางจัดการขายทอดตลาดสัตว์นั้น และถ้าเป็นสัตว์พาหนะเมื่อขายทอดตลาดให้ผู้ใดไปแล้ว ให้ทำหนังสือแจ้งไปยังอำเภอท้องที่ เพื่อจะทำรูปพรรณเปลี่ยนชื่อเจ้าของสัตว์เสียให้ถูกต้องตามกฏหมายว่าด้วยสัตว์พาหนะด้วย ส่วนเงินที่ขายทอดตลาดไว้ให้นำส่งเป็นรายได้แผ่นดินตามระเบียบ
                      หากการดำเนินการตามวรรคหนึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่คุ้มกับค่าของสัตว์นั้น เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าอาหารราคาแพง หรือเป็นสัตว์ดุร้าย ผู้มีหน้าที่เก็บรักษาของกลางจะจัดให้เอาออกขายทอดตลาดก่อนถึงกำหนดตามวรรคหนึ่งก็ได้

                  ข้อ 24  ถ้าเจ้าของสัตว์ติดตามมารับสัตว์นั้น ให้ผู้มีหน้าที่เก็บรักษาของกลางจัดให้มีการสอบสวนหลักฐาน ถ้ามีทะเบียนสัตว์พาหนะให้เรียกมาตรวจสอบ เมื่อเห็นว่าถูกต้องแล้ว ให้มอบสัตว์นั้นให้แก่เจ้าของไป โดยลงรายงานประจำวันและสมุดบัญชีแบบพิมพ์ พร้อมกับให้ลงนามไว้ให้เป็นหลักฐาน  

                  ข้อ 25  ผู้ใดจับได้สัตว์พาหนะที่เพลิดเพลินหรือถูกละทิ้งไว้ ถ้าไม่สามารถมอบคืนสัตว์นั้นให้แก่เจ้าของหรือผู้มีสิทธิจะรับสัตว์นั้นได้ภายในกำหนด 3 วัน นับแต่วันจับสัตว์นั้นได้ ให้นำสัตว์นั้นไปส่งต่อเจ้าพนักงานและแจ้งเหตุการณ์ให้ทราบ
                      ให้เจ้าพนักงานซึ่งได้รับมอบสัตว์ไว้ตามความในวรรคหนึ่ง นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อจัดการโฆษณาหาเจ้าของ หรือดำเนินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาแล้วแต่กรณี

                  ข้อ 26  บรรดาสัตว์พาหนะที่ได้โฆษณาหาเจ้าของตามข้อ 23 หรือข้อ 24 หากผู้ใดอ้างว่าสัตว์นั้นเป็นของตน ให้นำพยานหลักฐานมาพิสูจน์ต่อพนักงานสอบสวน เมื่อพนักงานสอบสวนเห็นว่าควรคืนสัตว์นั้นให้แก่ผู้ใด ก็ให้คืนไป แต่ผู้นั้นต้องชำระค่าเลี้ยงรักษาให้ตามสมควร(ถ้าหากมี) ก่อนที่จะรับสัตว์นั้นไป 
                      แต่ถ้าหากผู้นั้นไม่ยินยอมชำระค่าเลี้ยงรักษา ให้นำออกขายทอดตลาดและหักค่าชำระเลี้ยงรักษาไว้แทน เหลือเท่าใดให้มอบคืนผู้ที่อ้างว่าสัตว์นั้นเป็นของตน

                   ข้อ 27  สัตว์พาหนะของผู้ใดหายไปด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม ให้เจ้าของหรือตัวแทนแจ้งความต่อเจ้าพนักงานภายใน 7 วัน นับแต่เวลาที่ทราบเหตุ ภายหลังเมื่อได้สัตว์คืนมาให้แจ้งความต่อเจ้าพนักงานภายใน 7 วัน นับแต่วันได้คืน ถ้าไม่ได้สัตว์นั้นมาคืนให้ส่งตั๋วรูปพรรณต่อนายทะเบียนท้องที่หรือกำนัน เพื่อจัดส่งนายทะเบียนท้องที่ภายใน 90 วัน

                   ข้อ 28  สัตว์พาหนะที่เจ้าพนักงานเลี้ยงรักษาไว้ตามข้อ 23 หรือข้อ 24 ถ้าไม่มีผู้ใดมาขอรับคืนภายในกำหนด 90 วันนับแต่วันโฆษณา ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะขายทอดตลาดสัตว์นั้นได้ เมื่อขายแล้วได้เงินเท่าใด ให้หักค่าใช้จ่ายและค่าเลี้ยงรักษาออก(ถ้าหากมี) แล้วถือเงินจำนวนสุทธิไว้แทน
                      ให้สัตว์พาหนะหรือเงินจำนวนสุทธิตามความในวรรคหนึ่ง ตกเป็นของแผ่นดินหรือผู้จับสัตว์ได้ตามข้อ 25 ในเมื่อบุคคลผู้มีสิทธิ์จะมารับมิได้เรียกเอาภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่สัตว์นั้นมาอยู่ในอารักขาของเจ้าพนักงาน 
                      ในกรณีที่ได้ยึดสัตว์ไว้โฆษณาตามคำสั่งศาล กำหนด 1 ปี นั้นให้นับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด แต่ถ้ามีทราบตัวบุคคลผู้มีสิทธิ์ให้ขยายเวลาเป็น 5 ปี

(ข้อคิดเห็น - กล่าวโดยสรุป ถ้าสัตว์พาหนะหายไป ให้เจ้าของแจ้งความต่อเจ้าพนักงานภายใน 7 วัน แต่ถ้าได้คืนก็ให้แจ้งภายใน 7 วัน เช่นกัน กรณีมีผู้จับสัตว์พลัดเพลิดได้ ให้ส่งต่อเจ้าพนักงานหรือให้เจ้าพนักงานตำรวจจับสัตว์นั้นมาลงประจำวัน แล้วฝากเลี้ยงหรือเลี้ยงรักษาไว้เอง และประกาศหาเจ้าของ จนครบ 90 วัน ถ้าไม่มีผู้ใดมาขอรับคืน ก็ให้ขายทอดตลาดหักค่าใช้จ่ายและค่าเลี้ยงรักษาออก แล้วนำเงินส่งเป็นรายได้แผ่นดิน เว้นแต่ถ้าจะเลี้ยงไว้แล้วไม่คุ้มค่าราคา ให้เอาออกขายทอดตลาดก่อนกำหนดก็ได้ ถ้ามีเจ้าของมาขอรับสัตว์นั้นคืนก็ให้มีการตรวจสอบจนแน่ชัดก่อนมอบให้แก่เจ้าของไปพร้อมลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน แต่ต้องให้ชำระค่าเลี้ยงรักษาให้ตามสมควร ถ้าไม่ชำระก็ให้นำออกขายทอดตลาดและหักค่าเลี้ยงรักษาแล้วมอบคืนส่วนที่เหลือให้ผู้ที่อ้างนั้น แต่ถ้าผู้มีสิทธิมารับคืน มิได้เรียกเอาสัตว์พาหนะหรือเงินจากการขายทอดตลาดภายใน 1 ปี ก็ให้ตกเป็นของแผ่นดินหรือผู้ที่จับสัตว์นั้นได้)

ของกลางอย่างอื่น

หมวด 2  ของกลางอย่างอื่น 

ส่วนที่ 1  ทรัพย์สินที่ยึดไว้ตรวจสอบ 

                ข้อ 20  ทรัพย์สินใดที่ตามกฎหมายให้อำนาจเจ้าพนักงานตำรวจยึดไว้เพื่อทำการตรวจสอบตามกฎหมายได้ ให้เจ้าพนักงานตำรวจผู้ตรวจยึด ทำบันทึกการตรวจยึดพร้อมบัญชีสิ่งของที่ตรวจยึด โดยให้ผู้ตรวจยึดและเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครอง ลงลายมือชื่อในบันทึกการตรวจยึดและบัญชีสิ่งของด้วย แล้วให้นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย และให้พนักงานสอบสวนลงสมุดยึดทรัพย์ของกลางประเภทอื่น เมื่อพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฏหมายแล้ว หากไม่ปรากฏว่าเป็นความผิดตามกฏหมาย ก็ให้คืนแก่เจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครอง หากปรากฏว่าเป็นความผิดตามกฎหมายก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
                แต่หากทรัพย์สินที่ยึดไว้เพื่อตรวจสอบนั้นเจ้าพนักงานตำรวจไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่จะทำการตรวจยึด แต่เจ้าพนักงานอื่นได้ใช้อำนาจหน้าที่ตามกฏหมายทำการตรวจยึดแล้วส่งมอบให้แก่พนักงานสอบสวนให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฏหมายระเบียบหรือข้อตกลงและให้ลงสมุดยึดทรัพย์ของกลางประเภทอื่นไว้เป็นหลักฐานด้วย

(ข้อคิดเห็น - กล่าวโดยสรุป กรณีเจ้าพนักงานตำรวจหรือเจ้าพนักงานอื่นตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ ให้จัดทำบันทึกและทำบัญชีสิ่งของ พร้อมลงลายมือชื่อผู้ตรวจยึดกับเจ้าของหรือผู้ครอบครอง ส่งให้พนักงานสอบสวนลงสมุดยึดทรัพย์ ทำการตรวจสอบ จากนั้น คืนให้เจ้าของ หรือให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย แล้วแต่กรณี)

ส่วนที่ 2  ทรัพย์สินหาย

                ข้อ 21  วิธีปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวกับทรัพย์สินหายที่มีผู้เก็บได้ ให้ถือปฏิบัติดังนี้ 
                (1)  สถานีตำรวจท้องที่ใดที่มีผู้เก็บทรัพย์สินหายได้ มอบให้สถานีตำรวจแห่งนั้นรับไว้ ให้ลงรายงานเบ็ดเสร็จประจำวัน สมุดยึดทรัพย์สินของกลาง ให้ปรากฏรายละเอียดชื่อและที่อยู่ของผู้เก็บทรัพย์สินหายได้ ตลอดจนลักษณะตำหนิรูปพรรณทรัพย์สินและสถานที่ที่เก็บได้โดยชัดเจนแล้วบันทึกถ้อยคำผู้เก็บให้ทราบถึงการได้ของนั้นมาโดยละเอียด แล้วสำเนาเอกสารดังกล่าวพร้อมกับส่งของกลางนั้นไปให้กองทะเบียนประวัติอาชญากร ภายในกำหนด 7 วัน เพื่อสืบหาหรือออกประกาศสืบหาเจ้าของหรือผู้มีสิทธิ์ได้รับต่อไป   
                (2)  ให้สอบสวนผู้เก็บทรัพย์สินหายได้ ทุกรายให้ชัดเจนว่า จะต้องการรับรางวัลหรือไม่ เมื่อครบกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่เก็บได้แล้วหากไม่ปรากฏว่ามีเจ้าของหรือผู้มีสิทธิ์มารับของคืน ผู้เก็บจะขอรับของนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ หรือจะยกให้เป็นสิทธิ์แก่ทางราชการ หากผู้นั้นมีความประสงค์อย่างไรให้บันทึกไว้เป็นหลักฐานและแสดงไว้ในหลักฐานตาม (1) เพื่อกองทะเบียนประวัติอาชญากรได้รับทราบไว้ด้วย และให้แนะนำแก่ผู้เก็บได้ด้วยว่า หากย้ายที่อยู่ในระหว่าง 1 ปี นับแต่วันที่เก็บได้ ให้แจ้งหน้าสถานีตำรวจที่เก็บได้ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่รับแจ้งไว้เดิม ถ้ามิสามารถจะทำได้ ก็ให้แจ้ง ณ สถานีตำรวจที่สามารถจะแจ้งได้เพื่อจะได้ติดต่อให้กองทะเบียนประวัติอาชญากรทราบ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของผู้เก็บทรัพย์สินหายได้เอง ในการที่จะติดต่อรับรางวัลหรือขอรับทรัพย์สินหายที่เก็บได้นั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของตน  
                (3)  ทรัพย์สินที่ต้องส่งไปเก็บยังกองทะเบียนประวัติอาชญากรตามที่กล่าวมาแล้วใน (1) หากเป็นสิ่งของที่ใหญ่โตหรือมีน้ำหนักมาก ไม่สะดวกแก่การขนส่งและการเคลื่อนย้ายหรือจะเป็นการสิ้นเปลืองเงินค่าขนส่งเกินสมควร เช่น เครื่องยนต์ เรือ แพ ซุง เป็นต้น ให้สถานีตำรวจนั้นเก็บรักษาไว้เอง   
                      ส่วนปศุสัตว์หรือสัตว์พาหนะ สำหรับเขตกรุงเทพมหานคร ให้หัวหน้าสถานีตำรวจหรือเทียบเท่าหรือผู้รักษาราชการแทนแล้วแต่กรณี พิจารณา ถ้ามีเหตุจำเป็น ให้ส่งไปยังกองกำกับการตำรวจม้า หรือศูนย์ฝึกอบรมกองบัญชาการตำรวจนครบาล เลี้ยงรักษาไว้ 
                      ในส่วนจังหวัดอื่นนอกเขตกรุงเทพมหานคร ให้หัวหน้าสถานีตำรวจหรือเทียบเท่าหรือผู้รักษาราชการแทนแล้วแต่กรณี พิจารณาประสานสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดหรืออำเภอ เลี้ยงรักษาไว้ หากหน่วยงานดังกล่าวไม่รับเลี้ยงรักษาไว้ให้ ก็ให้มอบหมายให้ผู้อื่นเลี้ยงรักษาไว้แทน หรือถ้ามีเหตุจำเป็นก็ให้สถานีตำรวจนั้นเลี้ยงรักษาไว้เอง ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงรักษา ให้เบิกจ่ายตามกฏหมายหรือตามระเบียบของทางราชการ
                (4)  ให้สถานีตำรวจที่ได้รับทรัพย์สินหายจากผู้ที่เก็บได้ ประกาศสืบหาเจ้าของหรือผู้มีสิทธิ์ได้รับติดไว้โดยเปิดเผยที่สถานีตำรวจให้ประชาชนเห็นได้อย่างชัดเจน และให้ประกาศสืบหาเจ้าของ หรือผู้มีสิทธิ์ได้รับทางวิทยุในเครือข่ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยอีกช่องทางหนึ่ง 
                (5)  ถ้ามีผู้มาแจ้งว่าทรัพย์สินหาย ไม่ว่าจะเป็นการหลงลืมทิ้งไว้หรือทำตกหล่น ให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจที่ได้รับแจ้งความ ลงรายงานประจำวันและบันทึกถ้อยคำผู้แจ้งโดยให้ปรากฏชื่อที่อยู่สถานที่หลงลืมหรือตกหล่นที่ใด อย่างไร และรูปพรรณของทรัพย์สินนั้นโดยละเอียด กับจัดทำหนังสือให้ผู้แจ้งนำไปยังกองทะเบียนประวัติอาชญากรเพื่อตรวจสอบดูว่าได้มีผู้เก็บได้และนำส่งมอบไว้หรือไม่ ในกรณีที่มีผู้เก็บได้และนำมาส่งมอบไว้ เมื่อกองทะเบียนประวัติอาชญากรตรวจสอบหลักฐานแล้วเชื่อแน่ว่าผู้นั้นเป็นเจ้าของที่แท้จริงพิจารณาอนุญาตให้รับคืนไปได้ โดยให้หมายเหตุไว้ในบัญชี และให้ผู้นั้นลงชื่อรับสิ่งของไว้เป็นหลักฐาน และแจ้งให้สถานีตำรวจที่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นมา จัดการจำหน่ายในบัญชีทรัพย์ของกลางนั้นด้วย 
                       ถ้าเป็นทรัพย์สินที่ยังไม่ได้ส่งกองทะเบียนประวัติอาชญากรและยังเก็บรักษาอยู่ที่สถานีตำรวจนั้น ในเมื่อผู้เป็นเจ้าของมาขอรับคืน ให้หัวหน้าสถานีตำรวจหรือผู้รักษาการแทนแล้วแต่กรณี ตรวจสอบหลักฐานและพิจารณาอนุญาตให้รับคืนไปได้ โดยให้หมายเหตุไว้ในบัญชีและให้ผู้นั้นลงชื่อรับสิ่งของไว้เป็นหลักฐาน แล้วแจ้งให้กองทะเบียนประวัติอาชญากรทราบ เพื่อประโยชน์ในการตอบคำถามและรวบรวมสถิติต่อไป 
                (6)  ทรัพย์สินหายที่มีผู้เก็บได้ แล้วไม่นำส่งมอบไว้ต่อเจ้าพนักงานภายในกำหนด เมื่อเป็นคดีอาญาเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้น ให้สถานีตำรวจที่ดำเนินการเรื่องนั้นเก็บรักษาของกลางที่เก็บได้นั้นไว้ก่อน จนกว่าคดีจะถึงที่สุด โดยให้ปฏิบัติตาม (1) ด้วย และเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วให้ดำเนินการตามคำพิพากษา ถ้ายังไม่มีผู้มาขอรับของคืนไป ให้นำทรัพย์สินนั้นส่งกองทะเบียนประวัติอาชญากรตาม (1)  
                (7)  ทรัพย์สินหายที่มีผู้เก็บได้และส่งมาเก็บรักษาไว้ยังกองทะเบียนประวัติอาชญากรแล้ว หากปรากฏในภายหลังว่าทรัพย์สินนั้นเป็นของกลางในคดีอาญาแล้ว ให้สถานีตำรวจที่ดำเนินคดีขอรับไปเก็บรักษาไว้ตามระเบียบเกี่ยวกับของกลางในคดีอาญา 
                (8)  เมื่อครบกำหนด 1 ปี แล้ว หากเจ้าของหรือผู้มีสิทธิ์หรือผู้เก็บได้ไม่มาขอรับของคืนไป ให้กองทะเบียนประวัติอาชญากรเป็นเจ้าหน้าที่จัดการขายทอดตลาด แล้วนำเงินส่งกองการเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อผลประโยชน์ของทางราชการต่อไป 
                       หากกองทะเบียนประวัติอาชญากรหรือหน่วยงานราชการอื่นที่ได้รับทรัพย์สินหายและมีผู้เก็บได้ พิจารณาแล้วเห็นว่าทรัพย์สินสิ่งใดเป็นประโยชน์แก่ส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือเพื่อประโยชน์ทางอื่นแล้ว ให้เสนอขออนุมัติถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติสั่งการเป็นเฉพาะ 
                       การดำเนินการตามข้อนี้ ในจังหวัดอื่นนอกเขตกรุงเทพมหานคร หน้าที่ใดซึ่งกำหนดให้เป็นหน้าที่ของกองทะเบียนประวัติอาชญากรให้ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 - 10 เป็นผู้ดำเนินการแทนและติดต่อประสานงานกับกองทะเบียนประวัติอาชญากรด้วย

(ข้อคิดเห็น - กล่าวโดยสรุป กรณีเก็บทรัพย์ได้ให้นำไปมอบที่สถานีตำรวจ ลงรายงานประจำวันมีรายละเอียดชื่อและที่อยู่ของผู้ที่เก็บได้ สอบปากคำ แล้วส่งทรัพย์ไปกองทะเบียนประวัติอาชญากรเพื่อสืบหาเจ้าของ และให้สถานีตำรวจประกาศสืบหาเจ้าของด้วยเช่นกัน เมื่อครบ 1 ปี ไม่มีเจ้าของมารับ ก็ยกให้ผู้เก็บได้ หรือยกให้แก่ทางราชการ ตามความประสงค์ของผู้นั้น แต่ถ้าทรัพย์มีขนาดใหญ่โตก็ให้สถานีตำรวจเก็บรักษาไว้เอง ถ้าเป็นสัตว์ก็ให้ส่งไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือสถานีตำรวจเลี้ยงไว้เอง ส่วนผู้ที่มาแจ้งว่าทำทรัพย์หาย ให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำโดยละเอียดแล้วทำหนังสือให้ผู้แจ้งนำไปขอตรวจสอบทรัพย์ที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร ถ้าเป็นเจ้าของจริงก็รับคืนไปได้ แล้วจำหน่ายออกจากบัญชีทรัพย์ของกลาง เว้นแต่ทรัพย์ที่เก็บรักษาไว้ที่สถานีตำรวจก็ให้หัวหน้าสถานีตำรวจพิจารณาอนุญาตให้รับคืนไปได้เช่นกัน แต่ถ้าเป็นของกลางในคดีอาญาก็ให้สถานีตำรวจเก็บรักษาไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด ในกรณีที่เก็บไว้ครบ 1 ปี แต่ไม่มีเจ้าของและผู้เก็บไว้มาของรับคืนไป ให้เป็นหน้าที่ของกองทะเบียนประวัติอาชญากร หรือศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 - 10 แล้วแต่กรณี จัดการขายทอดตลาดแล้วนำเงินส่งกองการเงิน เว้นแต่ทรัพย์ที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนราชการ ให้เสนอขออนุมัติถึง ตร. สั่งการเป็นเฉพาะ)