ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๕/๑
เพิ่มโดย พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
(ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๕๐
การยื่นคำร้องขอคืนสิ่งของในระหว่างสอบสวน
- สิ่งของที่เจ้าพนักงานได้ยึดไว้ ซึ่งมิใช่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้ใดทำ หรือมีไว้ เป็นความผิด ถ้ายังไม่ได้นำสืบ หรือแสดงเป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดี- เจ้าของ หรือผู้ซึ่งมีสิทธิเรียกร้อง ขอคืนสิ่งของ ที่เจ้าพนักงานยึดไว้ อาจยื่นคำร้องต่อพนักงานสอบสวน หรือพนักงานอัยการ แล้วแต่กรณี
- เพื่อขอรับสิ่งของนั้นไปดูแลรักษา หรือใช้ประโยชน์ โดยไม่มีประกัน หรือมีประกัน หรือมีประกันและหลักประกันก็ได้
เงื่อนไขและการสั่งคืนสิ่งของ
- การสั่งคืนสิ่งของดังกล่าวข้างต้น จะต้องไม่กระทบถึงการใช้สิ่งของนั้นเป็นพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในภายหลัง- ทั้งนี้ ให้พนักงานสอบสวน หรือพนักงานอัยการ มีคำสั่งโดยมิชักช้า โดยอาจเรียกประกันจากผู้ยื่นคำร้อง หรือกำหนดเงื่อนไขอย่างหนึ่งอย่างใดให้บุคคลนั้นปฏิบัติ และ
- หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข หรือ บุคคลดังกล่าวไม่ยอมคืนสิ่งของนั้น เมื่อมีคำสั่งให้คืน ให้พนักงานสอบสวน หรือพนักงานอัยการ แล้วแต่กรณี มีอำนาจยึดสิ่งของนั้นกลับคืน และบังคับตามสัญญาประกัน เช่นว่านั้นได้
- วิธีการยื่นคำร้อง เงื่อนไขและการอนุญาต ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
กรณีมีคำสั่งไม่อนุญาต หรือคำสั่งอนุญาต
- ในกรณีที่พนักงานสอบสวน หรือพนักงานอัยการ มีคำสั่งไม่อนุญาต ผู้ยื่นคำร้องมีสิทธิยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลชั้นต้น ที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาดังกล่าวได้ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการไม่อนุญาต และให้ศาลพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์- ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งอนุญาต ศาลอาจเรียกประกัน หรือกำหนดเงื่อนไขอย่างหนึ่งอย่างใดได้ตามที่เห็นสมควร คำสั่งของศาลให้เป็นที่สุด
(สรุป. – การขอคืนของกลางบางอย่างในระหว่างสอบสวนต้องมิใช่ทรัพย์สินที่ทำหรือมีไว้เป็นความผิด สามารถสั่งคืนได้โดยมีประกันและเงื่อนไข หากไม่อนุญาต ก็ยื่นคำร้องอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นได้)
สาระสำคัญ กฎกระทรวงกำหนดวิธีการ ขอคืนสิ่งของที่เจ้าพนักงานยึดไว้ ไปดูแลรักษา หรือใช้ประโยชน์ พ.ศ.๒๕๕๓ (คลิกที่นี่)
- บุคคลดังต่อไปนี้ มีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนสิ่งของที่เจ้าพนักงานยึดไว้ได้
(๑) เจ้าของ หรือผู้มีกรรมสิทธิ์
(๒) ผู้ซึ่งมีสิทธิในการใช้ , ครอบครอง , ยึดหน่วง หรือสิทธิเรียกร้องอื่นตามที่กฎหมายรับรอง รวมถึง ผู้เช่าซื้อ , ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก หรือ ผู้จัดการมรดก
- ผู้ยื่นคำร้องจะต้องแสดงหลักฐานแห่งการเป็นเจ้าของ หรือเอกสารหรือหลักฐานใด ๆ เพื่อแสดงถึงสิทธิที่ตนมีอยู่เหนือสิ่งของนั้น
- ในกรณีผู้ยื่นคำร้อง มีสิทธิในสิ่งของ ซึ่งมีเจ้าของกรรมสิทธิ์หลายรายรวมกัน จะต้องแสดงเอกสารหลักฐานแสดงความยินยอมในการร้องขอคืนสิ่งของ จากเจ้าของกรรมสิทธิ์ทุกราย
คำร้อง
ต้องมีรายละเอียดอย่างน้อย ดังต่อไปนี้(๑) สิ่งของ ที่ประสงค์จะขอคืน
(๒) เหตุผล ความจำเป็น และความเร่งด่วน ที่ร้องขอคืนสิ่งของไปดูแลรักษาหรือใช้
ประโยชน์
(๓) ระยะเวลา ที่ประสงค์จะนำสิ่งของไปดูแลรักษาหรือใช้ประโยชน์
(๔) ผู้ที่จะดูแลรักษา หรือใช้ประโยชน์จากสิ่งของ
(๕) สถานที่ ที่นำสิ่งของไปดูแลรักษาหรือใช้ประโยชน์
(๖) หลักฐาน ในการแสดงสิทธิตามข้อ ๑
ในการพิจารณาคำร้อง ให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ แล้วแต่กรณี คำนึงถึงเหตุ
ดังต่อไปนี้
(๑) เหตุผล ความจำเป็น และความเร่งด่วนที่ต้องนำสิ่งของไปดูแลรักษาหรือใช้ประโยชน์
(๒) ความเสี่ยงภัย หรือเสี่ยงต่อความเสียหาย สูญหาย ถูกทำลาย ปลอม หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลง ที่อาจเกิดกับสิ่งของที่จะนำไปดูแลรักษาหรือใช้ประโยชน์
(๓) ความน่าเชื่อถือ ของหลักประกัน
(๔) ความน่าเชื่อถือ ของผู้ที่จะนำสิ่งของไปดูแลรักษาหรือใช้ประโยชน์
(๕) ระยะเวลา ที่จะนำสิ่งของไปดูแลรักษาหรือใช้ประโยชน์
(๖) คำคัดค้าน ของผู้มีสิทธิยื่นคำร้องตามข้อ ๑ วรรคหนึ่ง คำคัดค้านของผู้ต้องหา หรือคำคัดค้านของผู้เสียหาย
(๗) พฤติการณ์ต่าง ๆ แห่งคดี
ผู้ยื่นคำร้องหลายรายต่างอ้างสิทธิในสิ่งของเดียว
- ในกรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องหลายรายขอคืนสิ่งของอย่างเดียวกัน โดยอ้างสิทธิต่างกัน- ให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการแล้วแต่กรณี มีอำนาจกำหนดให้ผู้ยื่นคำร้องดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่เห็นสมควร เพื่อพิสูจน์สิทธิของตนก่อนมีคำสั่ง
- เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ยื่นคำร้องรายใดเป็นเจ้าของหรือผู้มีสิทธิเหนือสิ่งของดีกว่าผู้อื่น ให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ แล้วแต่กรณี มีคำสั่งคืนสิ่งของแก่ผู้นั้น